วันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ประวัติและประเภทของภาพยนตร์

ประวัติของภาพยนตร์
ภาพยนตร์ คือ เป็นกระบวนการบันทึกภาพด้วยฟิล์ม แล้วนำออกฉายในลักษณะที่แสดงให้เห็นภาพเคลื่อนไหว ภาพที่ปรากฏบนฟิล์มภาพยนตร์หลังจากผ่านกระบวนการถ่ายทำแล้วเป็นเพียงภาพนิ่งจำนวนมาก ที่มีอิริยาบถหรือแสดงอาการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อยต่อเนื่องกันเป็นช่วงๆ ตามเรื่องราวที่ได้รับการถ่ายทำและตัดต่อมา ซึ่งอาจเป็นเรื่องราวหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง หรือเป็นการแสดงให้เหมือนจริง หรืออาจเป็นการแสดงและสร้างภาพจากจินตนาการของผู้สร้างก็ได้
ผู้ที่คิดประดิษฐ์ ต้นแบบของภาพยนตร์ขึ้นคือ โทมัส แอลวา อินดิสัน  และผู้ร่วมงานของเขาชื่อ วิลเลี่ยม เคเนดี้ คิดสัน 
ภาพยนตร์ที่สามารถฉายภาพให้ปรากฏบนจอขนาดใหญ่ ได้พัฒนาสมบูรณ์ขึ้นในอเมริกาในปี พ.ศ.2438 โดยความร่วมมือระหว่างโทมัส อาแมท (Thomas Armat) ซี ฟรานซิส เจนกินส์ (C. Francis Jenkins) และเอดิสัน เรียกเครื่องฉายภาพยนตร์ชนิดนี้ว่า ไบโอกราฟ (Bioghraph) ในเวลาต่อมา หลังจากนั้นภาพยนตร์ได้แพร่หลายไปในประเทศต่างๆ ทั่วโลก เกิดอุตสาหกรรมการผลิตจำหน่ายและบริการฉายภาพยนตร์ขนาดใหญ่หลายแห่ง ทั้งในอังกฤษ ฝรั่งเศสและอเมริกา ภาพยนตร์ได้กลายเป็นสื่อถ่ายทอดเหตุการณ์ ศิลปการบันเทิงและวรรณกรรมต่างๆ ที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางตลอดมา
ภาพยนตร์เรื่องแรกของโลก "Arrival of a Train at La Ciotat" ออกฉายที่กรุงปารีส มีความยาว 50 วินาที ออกฉายในปี 2438


ภาพจาก Arrival of Train at La Ciotat
ซึ่งต่อมาก็มีการแบ่งประเภทของภาพยนตร์เป็นประเภทต่างๆอีกดังนี้
  1. 1.Action - เป็นภาพยนตร์ ที่จะมีฉากต่อสู้ การไล่ล่า ไล่ยิง ระเบิด เป็นจุดขาย รวมถึงมีฉากต่อสู้ ซึ่งบางทีอาจจะมีความเหนือจริงอยู่ด้วย  


DIE HARD


2.Adventure- ภาพยนต์แนวผจญภัยเข้าป่า ล่าขุมทรัพย์ เจออุปสรรคมากมาย รวมถึงต้องมีการแก้สถานการณ์ต่างๆ ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ชอบความท้าทาย
Indiana Jones
3.Animation-ภาพยนตร์แนวการ์ตูนซึ่งมีทั้ง 2d และ 3d ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นอย่างมากโดยเฉพาะเด็กๆ
Toy Story
4.Comedy- ภาพยนตร์แนวตลก เบาสมอง เหมาะไว้สำหรับดูผ่อยคลายความเครียด ไม่ต้องคิดอะไรมาก
The Dicator
5.Crime- ภาพยนตร์แนวอาชญากรรม เป็นเรื่องราวของการแก้ไขคดีต่างๆ ของตำรวจหรือองกรมาเฟีย
American Gangster
6.Documentary- ภาพยนตร์แนวสารคดี ที่สร้างจากเรื่องจริง ดูแล้วได้สาระความรู้ไปด้วย
Fahrenheit 9/11
7.Drama- ภาพยนตร์ชีวิต ที่จะมีลักษณะเศร้า เคล้าน้ำตา เป็นเรื่องราวของชีวิตบุคคล ที่ส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาถาโถมเข้ามา
Forest Gump
8.Erotic- เป็นภาพยนตร์ที่ไม่เหมาะกับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เพราะจะเป็นการเล่าเรื่องเกี่ยวกับเพศ เป็นส่วนใหญ่
Wild Orchid
9.Family- ภาพยนตร์แนวครอบครัว เกี่ยวกับความรักในครอบครัว ทำให้ดูแล้วรู้สึกอบอุ่น ดูได้ทุกคนในครอบครัว
Home Alone
10.Fantasy- ภาพยนตร์แนวจินตนาการ ที่มีความเหนือจริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเวทมนตร์ คาถา หรือว่าสัตว์ในตำนาน ซึ่งส่วนใหญ่เด็กๆจะชอบหนังประเภทนี้
Harry Potter
11.Film-Noir-ภาพยนตร์ที่เน้นการใช้ภาพเป็นตัวสื่อเนื้อหา ดูง่ายหรือยากขึ้นอยู่กับตัวบุคคล จึงเหมาะแก่การใช้สมาธิในการดูหนังประเภทนี้ ส่วของหนังจะเกี่ยวับการเสียดสีเรื่ืองราวร้ายๆของสังคม
Reservoir Dogs
12.Musical- ภาพยนตร์เพลง ประเทศไทยยังไม่ค่อยมีหนังประเภทนี้ เพราะยังไม่ค่อยได้รับความนิยม
Chicago
13.Mystery- เป็นภาพยนตร์แนวลึกลับ หาข้อพิสูจน์ไม่ได้ ทำให้ผู้ชมดูไปรู้สึกลุ้นไป มีปริศนามากมายในเรื่อง 
The Signs
14.Romance- ภาพยนตร์แนวรักโรแมนติก เหมาะสำหรับคนที่กำลังมีความรัก ทำให้ดูแล้วมีความสุข อาจจะผสมๆความตลกลงไปในหนังด้วยก็ได้
Notting Hill


15.Sci-fi- ภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาอ้างอิงวิทยาศาสตร์ และผสมผสานจินตนาการเข้าไป ซึ่งทำให้บางทีผู้ชมอาจจะดุไม่รู้เรื่อง ต้องตั้งใจดู
Star Wars
16.Thriller- ภาพยนตร์แนวสืบสวนสอบสวน ที่มีการผูกเรื่องให้น่าติดตาม ชวนให้คนดูคิดตามว่าตอนจบของหนังจะเป็นแบบไหน
Se7en
17.War- ภาพยนตร์เกี่ยวกับสงคราม ที่ส่วนใหญ่จะทำออกมาจากเรื่องจริง เน้นการถ่ายทำที่ค่อนข้างอลังการ ไม่ว่าจะเป็นสงครามยุคเก่าหรือยุคใหม่
Saving Private Ryan
18.Western- ภาพยนตร์เกี่ยวกับคาวบอยตะวันตก ซึ่งปัจจุบันหาได้น้อยมาก เพราะยากที่จะนำเสนอความแปลกใหม่
Tombstone
ทั้งหมดนั้นคือแนวของภาพยนตร์ในปัจจุบัน แต่ในปัจจุบันยังมีภาพยนตร์ทดลองออกมาอีกหลายแบบ ให้คนดูได้เลือกดูได้เปิดกว้างมากขึ้นในการเลือกชมภาพยนตร์

 










































วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556

แนะนำตัวเอง

นายอรรถกร บุญเพ็ง คณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์และวิดีทัศน์

ชื่อเล่น อาร์

รหัส 5402575

งานอดิเรก ดูหนัง ฟังเพลง เตะฟุตบอล